แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพ.ศ. 2503 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
***********************
1. พระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพ.ศ. 2503 ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 18 กันยายน พ.ศ. 2503 ค. 20 กันยายน พ.ศ. 2503
ข. 19 กันยายน พ.ศ. 2503 ง. 21 กันยายน พ.ศ. 2503
ตอบ ค. 20 กันยายน พ.ศ. 2503
2. พระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพ.ศ. 2503 มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 6 หมวด 50 มาตรา ค. 7 หมวด 50 มาตรา
ข. 6 หมวด 53 มาตรา ง. 7 หมวด 53 มาตรา
ตอบ ข. 6 หมวด 53 มาตรา
3. พระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแก้ไขเพิ่มเติม เป็นฉบับที่เท่าใดในปัจจุบัน
ก. ฉบับที่ 2 ค. ฉบับที่ 4
ข. ฉบับที่ 3 ง. ฉบับที่ 5
ตอบ ค. ฉบับที่ 4
4. พระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ ๔) อยู่ในปี พ.ศ.ใด
ก. พ.ศ.2542 ค. พ.ศ. 2535
ข. พ.ศ.2543 ง. พ.ศ. 2550
ตอบ ก. พ.ศ.2542
5. ข้อใดคือเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.2542
ก. ให้ กฟภ.สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในประเทศใกล้เคียงได้
ข. ให้กฟภ.มีอำนาจในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินในเรื่องเช่าซื้อ ยืม ให้ยืม อาศัย ให้อาศัย รับจำนำ รับจำนอง โอน รับโอน และรับทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
ค. ให้คณะกรรมการมีอำนาจจำหน่ายทรัพย์สินออกจากบัญชีได้ทุกกรณีโดยไม่จำกัดวงเงิน
ง. ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้ามีเพิ่มมากขึ้น
ตอบ ง. ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้ามีเพิ่มมากขึ้น
6. พระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ ๓) อยู่ในปี พ.ศ.ใด
ก. พ.ศ.2539 ค. พ.ศ. 2535
ข. พ.ศ.2536 ง. พ.ศ. 2550
ตอบ ค. พ.ศ. 2535
7. พระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (ฉบับที่ ๒) อยู่ในปี พ.ศ.ใด
ก. พ.ศ.2539 ค. พ.ศ. 2535
ข. พ.ศ.2536 ง. พ.ศ. 2530
ตอบ ง. พ.ศ. 2530
8. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ตอบ ข.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
9. “การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” เรียกโดยย่อว่า อะไร
ก. กฟฟ. ค. กฟผ.
ข. กฟน. ง. กฟภ.
มาตรา ๖ ให้จัดตั้งการไฟฟ้าขึ้นเรียกว่า “การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” เรียกโดยย่อว่า “กฟภ.” และให้ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “PROVINCIAL ELECTRICITY AUTHORITY” เรียกโดยย่อว่า “PEA” มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(๑) ผลิต จัดให้ได้มา จัดส่ง และจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า
(๒) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือที่เป็นประโยชน์แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
10. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีอำนาจดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในเขตใด
ก. ในประเทศใกล้เคียง
ข. ในเขตใดก็ได้
ค. ในเขตส่วนภูมิภาคซึ่งอยู่นอกเขตท้องที่ที่การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ง. ถูกทั้ง ก และ ค
มาตรา ๗ ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีอำนาจดำเนินการตามวัตถุประสงค์
(๑) ในเขตส่วนภูมิภาคซึ่งอยู่นอกเขตท้องที่ที่การไฟฟ้านครหลวงดำเนินการอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และ
(๒) ในประเทศใกล้เคียง
11. ข้อใดคืออำนาจหน้าที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ก. ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
ข. ซื้อ จัดหา จำหน่าย เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม รับจำนำ รับจำนอง โอน รับโอน แลกเปลี่ยน ถือกรรมสิทธิ์ ครอบครอง หรือดำเนินงานเกี่ยวกับทรัพย์สินใด ๆ ตลอดจนรับทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
ค. กำหนดประเภท ขนาด และมาตรฐานของโรงผลิตพลังงานไฟฟ้าสายส่งศักย์สูงหรือสายส่งศักย์ต่ำ และเครื่องอุปกรณ์อื่น ๆ
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๓ ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีอำนาจกระทำการต่าง ๆ ภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๖ และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑) สร้าง ซื้อ จัดหา จำหน่าย เช่า ให้เช่า ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืมและดำเนินงานเกี่ยวกับเครื่องใช้ บริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
(๒) ซื้อ จัดหา จำหน่าย เช่า ให้เช่า เช่าซื้อ ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม รับจำนำ รับจำนอง โอน รับโอน แลกเปลี่ยน ถือกรรมสิทธิ์ ครอบครอง หรือดำเนินงานเกี่ยวกับทรัพย์สินใด ๆ ตลอดจนรับทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
(๓) สำรวจและวางแผนงานที่จะทำใหม่หรือขยายเพิ่มเติมภายในเขตท้องที่ตามมาตรา ๗
(๔) กำหนดประเภท ขนาด และมาตรฐานของโรงผลิตพลังงานไฟฟ้าสายส่งศักย์สูงหรือสายส่งศักย์ต่ำ และเครื่องอุปกรณ์อื่น ๆ ตลอดจนเชื้อเพลิงซึ่งใช้ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อให้ถูกต้องตามหลักวิชาและหลักเศรษฐกิจ รวมทั้งวางนโยบายและควบคุมการผลิตพลังงานไฟฟ้าในโรงผลิตพลังงานไฟฟ้าต่าง ๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
(๕) กำหนดอัตราราคาขายพลังงานไฟฟ้าภายใต้บังคับมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ กำหนดค่าบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และจัดระเบียบเกี่ยวกับวิธีชำระราคา ค่าบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวก
(๖) จัดระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้และรักษาทรัพย์สินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
(๗) กู้ยืมเงินหรือลงทุน
(๘) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน
(๙) จัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือที่เป็นประโยชน์แก่กิจการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
(๑๐) เข้าร่วมกิจการกับหน่วยงานอื่นไม่ว่าจะเป็นของเอกชนหรือของรัฐทั้งในประเทศและนอกประเทศ หรือกับองค์การระหว่างประเทศ หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อประโยชน์แก่กิจการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
(๑๑) กระทำการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
12. ข้อใด ไม่ใช่ เงินสำรองของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ก. เงินสำรองเพื่อการลงทุน ค. เงินสำรองค่าเสื่อมราคา
ข. เงินสำรองเผื่อขาด ง. เงินสำรองอื่น ๆ ตามแต่คณะกรรมการจะเห็นสมควร
ตอบ ก. เงินสำรองเพื่อการลงทุน
มาตรา ๑๖ เงินสำรองของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ให้ประกอบด้วย เงินสำรองเผื่อขาด เงินสำรองค่าเสื่อมราคา และเงินสำรองอื่น ๆ ตามแต่คณะกรรมการจะเห็นสมควร
13. ใครมีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ค. คณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ง. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ตอบ ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
มาตรา ๑๘ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และเพื่อประโยชน์ในการนี้ จะสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือทำรายงานยื่นก็ได้
14. ใครเป็นผู้แต่งตั้งประธานใน“คณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค”
ก. คณะรัฐมนตรี ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ข. ผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ง. นายกรัฐมนตรี
มาตรา ๒๐ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” ประกอบด้วยประธานกรรมการหนึ่งคน ผู้ว่าการเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินสิบสามคน
ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการ
15. ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
ก. เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ข. เป็นพนักงาน
ค. เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับกิจการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ง. ต้องมีความรู้และมีความจัดเจนเพียงพอเกี่ยวกับการจัดการธุรกิจ การไฟฟ้า
ตอบ ง. ต้องมีความรู้และมีความจัดเจนเพียงพอเกี่ยวกับการจัดการธุรกิจ การไฟฟ้า
มาตรา ๒๑ ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย และต้องมีความรู้และมีความจัดเจนเพียงพอเกี่ยวกับการจัดการธุรกิจ การไฟฟ้า วิศวกรรม การเศรษฐกิจ การเงิน หรือกฎหมาย
มาตรา ๒๒ ผู้มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ต้องห้ามมิให้เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการ
(๑) เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือในกิจการที่กระทำให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือในกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับกิจการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม หรือพ้นจากการเป็นผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าวยังไม่ครบสามปี เว้นแต่เป็นผู้ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิดในกิจการเช่นว่านั้น หรือเป็นประธานกรรมการ กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้ดำเนินกิจการโดยการมอบหมายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในกิจการตามมาตรา ๑๓ (๙) และ (๑๐)
(๒) เป็นพนักงานนอกจากผู้ว่าการ
16. ข้อใดคืออำนาจหน้าที่ของ“คณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค”
ก. วางข้อบังคับว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง และการถอดถอนพนักงาน
ข. สำรวจและวางแผนงานที่จะทำใหม่หรือขยายเพิ่มเติมภายในเขตท้องที่
ค. จัดระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้และรักษาทรัพย์สินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ง. กู้ยืมเงินหรือลงทุน
ตอบ ก. วางข้อบังคับว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง และการถอดถอนพนักงาน
มาตรา ๒๓ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ และมาตรา ๔๒ ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลกิจการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำนาจหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑) วางข้อบังคับเกี่ยวกับการต่าง ๆ ตามความในมาตรา ๑๓
(๒) วางข้อบังคับการประชุมและการดำเนินกิจการของคณะกรรมการ
(๓) วางข้อบังคับว่าด้วยการบรรจุ การแต่งตั้ง และการถอดถอนพนักงาน
(๔) วางข้อบังคับว่าด้วยระเบียบปฏิบัติงาน และข้อบังคับว่าด้วยระเบียบวินัยและการลงโทษพนักงาน
(๕) กำหนดอัตราราคาขายพลังงานไฟฟ้า ค่าบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
(๖) กำหนดอัตราเงินเดือนพนักงาน
(๗) วางข้อบังคับว่าด้วยเครื่องแบบพนักงาน
(๘) วางข้อบังคับว่าด้วยการจำหน่ายทรัพย์สินและหนี้สูญออกจากบัญชี ทั้งนี้ ตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป
17. “คณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค” มีวาระอยู่ในตำแหน่งกี่ปี
ก. 3 ปี ค. 5 ปี
ข. 4 ปี ง. 6 ปี
ตอบ ก. 3 ปี
มาตรา ๒๔ ให้ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี
18. ใครเป็นผู้แต่งตั้งผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ก. คณะรัฐมนตรี ค. คณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ง. นายกรัฐมนตรี
ตอบ ค. คณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
มาตรา ๒๗ ให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งผู้ว่าการ ซึ่งต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยและต้องเป็นผู้มีความรู้ และมีความจัดเจนเพียงพอเกี่ยวกับการจัดการธุรกิจ การไฟฟ้า วิศวกรรม การเศรษฐกิจ หรือการเงิน
19. มติให้ผู้ว่าการออกจากตำแหน่งต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงเทาใด
ก. เกินกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด นอกจากผู้ว่าการ
ข. เกินกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด นอกจากผู้ว่าการ
ค. เกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด นอกจากผู้ว่าการ
ง. เกินกว่า 2 ใน 5 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด นอกจากผู้ว่าการ
ตอบ ค. เกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด นอกจากผู้ว่าการ
ให้ผู้ว่าการได้รับเงินเดือนตามที่คณะกรรมการกำหนดและอยู่ในตำแหน่งได้จนกว่าคณะกรรมการจะให้ออกจากตำแหน่งเพราะบกพร่อง ไม่สุจริตต่อหน้าที่ หรือหย่อนสมรรถภาพ มติให้ผู้ว่าการออกจากตำแหน่งต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด นอกจากผู้ว่าการ
การแต่งตั้ง การกำหนดเงินเดือน และการให้ออกจากตำแหน่งตามมาตรานี้ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
20. ผู้มีลักษณะใดห้ามมิให้แต่งตั้งเป็นผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ก. เป็นข้าราชการประจำหรือผู้มีตำแหน่งการเมือง
ข. เป็นผู้ไม่อาจทำงานได้เต็มเวลาให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ค. เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือในกิจการที่กระทำให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๒๘ ผู้มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ต้องห้ามมิให้แต่งตั้งเป็นผู้ว่าการหรือถ้าเป็นผู้ที่ได้รับแต่งตั้งอยู่แล้วก็ให้พ้นจากตำแหน่งไป
(๑) เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือในกิจการที่กระทำให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือในกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับกิจการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม หรือพ้นจากการเป็นผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าวยังไม่ครบสามปี เว้นแต่เป็นผู้ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิดในกิจการเช่นว่านั้น หรือเป็นประธานกรรมการ กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้ดำเนินกิจการโดยการมอบหมายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในกิจการตามมาตรา ๑๓ (๙) และ (๑๐)
(๒) เป็นข้าราชการประจำหรือผู้มีตำแหน่งการเมือง หรือ
(๓) เป็นผู้ไม่อาจทำงานได้เต็มเวลาให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค